5 วิธีปลดล็อกปัญหาอ่างล้างจานอุดตัน

5 วิธีปลดล็อคปัญหาอ่างล้างจานอุดตัน

ปัญหาน้ำขังไม่ระบายในอ่างล้างจาน เชื่อว่าทำเอาหลายบ้านเกิดหัวร้อนผ่าวไปตามๆ กัน เพราะบางกรณีถึงขั้นวิกฤต ส่งกลิ่นเหม็นเป็นของแถมให้ซะงั้น สำหรับต้นตอของปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องที่สลับซับซ้อนอะไร เพราะเกิดจากการที่เศษอาหารลงไปอุดตัน หรือการสะสมเป็นเวลานานของไขมันที่เราได้ทำการชำระล้างภาชนะอยู่ทุกวี่วันนั่นเอง และ 5 วิธีต่อไปนี้ที่นำมาเสนอ ขอบอกเลยว่าเป็นหนทางแก้ไขที่ไม่ยุ่งยาก แต่ถ้าไม่แก้สิชีวิตยุ่งยากแน่นอน

1. ตัดไฟแต่ต้นลม ป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ

ด้วยการเลือกซื้อตะแกรงดักเศษอาหารมาใส่ไว้ที่สะดืออ่างซะ ก็จะสามารถช่วยลดการสะสมของสิ่งปฏิกูลต่างๆ ที่จะไปตกค้างอยู่ในท่ออ่างล้างจานได้เปลาะหนึ่ง

2. หากน้ำในอ่างเริ่มระบายช้าผิดปกติ

แต่อาการยังไม่หนัก วิธีเบสิคง่ายและสะดวกรวดเร็วก็คือ ใช้ที่ปั๊มยาง (ที่ใช้ดูดส้วม แต่ซื้ออันใหม่จะดีกว่านะจ๊ะ) มาทำการปั๊มขึ้น-ลงประมาณ 6-10 ครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้เศษอาหารที่ติดค้างอยู่ภายในหลุดออกได้ แถมปัจจุบันยังมีการผลิตที่ปั๊มท่อตันออกมาวางจำหน่ายให้เลือกหลากแบบหลายไซส์อีกด้วย (ลองเสิร์ชหาซื้อมาใช้ที่บ้านดู บางอันเวิร์ค... เว่อร์)

5 วิธีปลดล็อคปัญหาอ่างล้างจานอุดตัน

3. การเทน้ำร้อนลงไปในท่อ

วิธีนี้สามารถช่วยละลายไขมันให้อ่อนตัวลงและหลุดออกได้ ทำสักอาทิตย์ละครั้งก็ดี จะได้ไม่เกิดคราบสะสมของไขมันที่เกาะฝังแน่นจนเกินไป

4. วิธียอดฮิตเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน

คือการใช้เบกกิ้งโซดาประมาณ 1/2 ถ้วยตวงเทลงไปในท่อ ก่อนตามด้วยน้ำส้มสายชูอีก 1/2 ถ้วยจากนั้นปล่อยทิ้งไว้สักประมาณ 20 นาที แล้วราดน้ำร้อนลงไปในท่ออีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ภายในอ่างเกิดปฏิกิริยาเหมือนน้ำเอ่อขึ้นมามากกว่าเดิม แต่ผ่านไปสักพักประมาณ 30 นาที ท่อน้ำก็จะไหลได้ดีเป็นปกติ แถมยังดับกลิ่นเหม็นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย (หรืออีกวิธีใช้เกลือ 1/2 ถ้วยตวง ผสมลงไปในน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง คนให้เข้าแล้วราดลงไปในท่อก็ได้เช่นกัน)

5. เพื่อลดปัญหาการเกิดท่ออุดตันได้ง่าย

ควรติดตั้งถังดักไขมัน (แบบตั้งพื้น) ไว้ด้วยก็จะยิ่งดี ทั้งนี้เพื่อช่วยดักจับไขมันจากการล้างภาชนะไม่ให้ไหลปนไปกับน้ำทิ้ง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำเน่าเสียจนส่งกลิ่นเหม็น และทำให้ท่อระบายน้ำเกิดอุดตันได้นั่นเอง

* ไม่ควรใช้โซดาไฟใส่ลงไปในท่อเพื่อแก้ปัญหา เพราะโซดาไฟจะกัดกร่อนทำให้ท่อเกิดการชำรุดเสียหาย ที่สำคัญหากสูดดมหรือโดนผิวหนังยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง